รัฐบาล เปิดเกมรุกการเมือง ท้าทาย พรรคร่วมกับราษฎร
ไม่ว่าการตัดสินใจดันร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรม นูญ ไม่ว่าการตัดสินใจเปิดไฟเขียวให้พรรคพลังประชารัฐส่งคนลงสู่ สนามเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช
ไม่ว่าการดำเนินมาตรการ ‘เข้ม’ ส่งแกนนำ ‘ราษฎร’ ฟ้องศาลแล้วลงเอยด้วยการฝากขัง ไม่ให้ประกันตัว
ล้วนมาจาก ‘ความมั่นใจ’ เป็นอย่างสูงต่อ ‘อำนาจ’ ที่อยู่ในมือ
แม้ว่าการดำเนินมาตรการ ‘เข้ม’ ต่อแกนนำผู้ชุมนุมจะส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวจาก ‘ราษฎร’ อย่างฉับพลันทันใดตั้งแต่ตอนค่ำ ของวันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์
แม้ว่าการส่งคนของพรรคพลังประชารัฐลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจะทำให้พันธมิตรอย่างพรรคประ ชาธิปัตย์บังเกิดความหงุดหงิด
แม้ว่าการส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ไม่พอใจก็ตาม
หากไม่มีความมั่นใจใน ‘อำนาจ’ ที่มีอยู่ ก็คงไม่ตัดสินใจ
กรณีของแกนนำ ‘ราษฎร’ มาจากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า พลังที่มีผนึกอยู่ในนามของ”ราษฎร”ไม่เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน
ตรงกันข้าม เด่นชัดอย่างยิ่งว่ามีความขัดแย้ง แตกแยก ภายในและส่อแนวโน้มฝ่อลง แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด
ค่ำวันที่ 9 กุมภาพันธ์ จึงส่ง ‘ตำรวจ’ ไปรับมือไม่มากนัก
เช่นเดียวกับ การเลือกตั้งซ่อมที่นครศรีธรรมราช เช่นเดียวกับที่มีมติส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ก็แทบมิได้ให้ความสนใจต่อพรรคร่วมรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา นับจากร่วมขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 เป็นต้นมา
ก็มีความสุขอย่างยิ่งกับการตำแหน่งและการร่วมอยู่ในรัฐบาล
เด่นชัดยิ่งว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทย พัฒนา ไม่กล้าอย่างเพียงพอที่จะแยกตัวออกต่างหาก
โอกาสที่จะได้เห็น ‘ปฏิกิริยา’ จากพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าพรรคประชา ธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา คงน้อยอย่างยิ่ง หรือแทบไม่ปรากฏให้เห็น
สายตาจึงทอดมองไปยังการเคลื่อนไหวในนาม ‘ราษฎร’ ว่าจะฝ่อลง แผ่วลง ตามความเชื่อมั่นของรัฐบาลหรือไม่ เพียงใด