เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปจนถึงการติดตามความคืบหน้าในนโยบายมะเร็งรักษาทุกที่ โดยนายอนุทิน และคณะได้เดินทางไปที่ศูนย์บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ที่โรงละคร อบจ.นครศรีธรรมราช (สนามหน้าเมือง) เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ที่ให้บริการวัคซีน
ไปจนถึงประชาชน ที่มารับการฉีดวัคซีน จากนั้น ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ตำบลในเมือง อำเภอเมือง เพื่อรับฟัง และร่วมวางแผนการควบคุมโรคระบาด ก่อนตรวจเยี่ยมการให้บริการเครื่องฉายแสงเร่งอนุภาค ณ อาคารสหไทย ภายในโรงพยาบาล จากนั้น ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยหอประชุมเมือง ทุ่งท่าลาด เพื่อติดตามผลการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 และรับทราบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ นายอนุทินกล่าวว่า การลงพื้นที่มาแต่ละครั้ง ก็เพื่อมาดูการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมั่นใจว่าทุกท่านทำงานสุดความสามารถ แต่เมื่อมีรายงานเรื่องอุปสรรคการทำงาน ก็ต้องช่วยกันหาทางแก้ไข อีกหนึ่งเรื่องที่ติดตามเสมอคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วประเทศ วางเป้าว่าต้องได้รับ 100 ล้านโดสภายในปีนี้ ทางกระทรวงคิดว่าน่าจะบรรลุเป้าในเดือนพฤศจิกายน เร็วกว่ากำหนดเดิม 30 วัน
ขณะที่เรื่องยารักษาโรค มั่นใจในประสิทธิภาพของยาที่มีอยู่ในสต๊อก เรามียอดผู้ติดเชื้อรวมประมาณ 2 ล้านคน หายป่วยเกือบครบทุกคน ก็มาจากยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อาทิ ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ปัจจุบัน สามารถผลิตได้เองแล้ว ส่วนในอนาคต ก็พร้อมนำเข้ายาที่ดี มีคุณภาพ ไว้เป็นทางเลือกเพื่อรักษาชีวิตประชาชน
การระบาดในพื้นที่ใดก็ตาม มั่นใจว่าทุกท่านเข้าใจธรรมชาติของโรค รวมไปถึงแนวทางการป้องกันขั้นพื้นฐานแล้ว ในเรื่องวัคซีน ได้รับจัดสรรอย่างต่อเนื่องเร่งฉีด และเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ขณะเดียวกัน ได้รณรงค์ให้คนเข้ามารับบริการวัคซีน และได้กำชับฝ่ายบริหาร ให้เร่งฉีดเข็ม 3 กับประชาชนที่ฉีด SINOVAC 2 เข็ม ขณะที่แรงงานต่างด้าว ก็ต้องฉีดให้ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาล ยังต้องให้ความสำคัญกับมาตรการ Home Isolation กับ Community Isolation เพื่อให้เตียงในโรงพยาบาลไว้ใช้รักษาผู้ป่วยอาการปานกลาง จะได้ลดความสูญเสีย เป็นมาตรการร่วมกับการฉีดวัคซีนที่ใช้ได้ผล ปัจจุบัน อัตราการสูญเสียของไทยต่ำลงเรื่อยๆ หวังว่าปีใหม่นี้ คนไทยจะได้ฉลองปีใหม่ บนพื้นฐานของความปลอดภัย เรากำลังดำเนินการเพื่อให้คนไทยได้กลับมาทำมาหากิน ให้ใกล้เคียงกับยุคก่อนมีโควิด
ต่อคำถามเรื่องการบรรจุข้าราชการนั้น นายอนุทินกล่าวว่า กำลังดำเนินการ ต้องดูให้รอบด้าน เมื่อบรรจุเข้าไปแล้ว จะต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ไม่มีทิ้งขว้าง รัฐบาลสามารถเอาใจใส่อย่างเต็มที่ ขอย้ำว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องสำคัญ เป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจให้กับคนทำงาน ส่วนที่มีข้อร้องเรียนจากแพทย์ชนบท ว่า อัตราที่จัดสรรให้ อาจไม่เพียงพอ ขอหารือกับทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขก่อน เพราะเป็นเรื่องงานประจำ ถ้าท่านมีความเห็นอย่างไร ตนก็สนับสนุนไปตามนั้น
“การมาลงพื้นที่ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพราะเรื่องการคุมโควิด-19 แต่นโยบายของกระทรวงคือการต้องพัฒนาการให้บริการสุขภาพ เราพยายายามอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ล่าสุด ทางจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับจัดสรรเครื่องฉายรังสีเพิ่มเติม ทำให้ในจังหวัดมีเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งแล้ว 2 เครื่อง ยิ่งจะช่วยเสริมศักยภาพด้านการรักษาพยาบาล คนในพื้นที่ ไม่ต้องเดินทางไปไกล
เป็นการแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน สุดท้ายนี้ งานสาธารณสุขเป็นงานที่หนักมาก ขอขอบคุณแพทย์ พยาบาล อสม. ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยตรง ไปจนถึงฝ่ายสนับสนุนอย่างหน่วยงานด้านการปกครอง และฝ่ายความมั่นคง ขอย้ำว่ารัฐบาลเห็นความเหนื่อย เห็นความเสี่ยงที่ท่านต้องเจอ และเราไม่ทอดทิ้งท่าน ขณะนี้กำลังหาทางช่วยเหลือทุกท่าน ให้คุ้มค่ากับความเสียสละ การบรรจุข้าราชการ เป็นสิ่งจำเป็น เราไม่ต้องการเสียบุคลากรที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มีความสามารถ อันเกิดจากว่าไม่ได้บรรจุ ปัญหานี้ ต้องได้รับการแก้ไข”