แต่ยังต้องจับตา 6 จังหวัด ทั้งนครศรีธรรมราช,เชียงใหม่,ระยอง,จันทบุรี,ตาก และขอนแก่น ที่มีการติดเชื้อสูงขึ้น มีการเคลื่อนย้านคนจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นสาเหตุที่ควบคุมโรคได้ลำบาก และเกิดคลัสเตอร์จากกิจกรรมในแรงงานและโรงงานเพิ่มขึ้น
5 พ.ย.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,148 ราย ผู้ป่วยอาการรุนแรง ปอดอักเสบลดลงเหลือ 2,118 ราย เช่นเดียวกับผู้ที่ใส่ท่อช่วยหายใจลดลงเหลือ 461 รายจาก 1,300 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 80 ราย อย่างไรก็ตามอาจมีการตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขขึ้นลงไม่สม่ำเสมอ ที่เป็นเช่นนี้เพราะรพ.จะยังไม่สามารถรายงานตัวเลขได้ทันที ต้องรอ จึงทำให้ตัวเลขเสียชีวิตเหวี่ยงไปมา แต่โดยรวมทิศทางดี
อย่างไรก็ตามกราฟแสดงแนวโน้มของผู้เสียชีวิตที่ติดเชื้อโควิดรายวันโดยเฉพาะในพื้นที่กทม.ที่ลดลงชัดเจน เฉลี่ยวันละ 10 ราย เช่นเดียวกับพื้นที่ปริมณฑล ขณะที่ตัวเลขของภาคใต้ก็ลดลงต่อเนื่อง ส่วน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ลดลงยังไม่มาก สำหรับการติดเชื้อรายใหม่ของ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ระยะหลังชะลอตัว ลดลงช้าๆ ตามแนวโน้มของประเทศ เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือฉีดวัคซีน ตรวจหาเชื้อด้วย ATK และปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ เชื่อว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส มีแนวโน้มลดลง เชื่อว่าไม่เกิน 3 สัปดาห์ สถานการณ์จะกลับเข้าใกล้จังหวัดอื่นๆ ส่วน จ.สงขลา แนวโน้มลดลงจริง แต่ไม่ชัดเจน จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองสูงสุด (Universal Prevention) ส่วน จ.ปัตตานี ยังต้องเอาใจช่วย แม้ภาครัฐและประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี แนวโน้มชะลอตัว แต่ยังไม่ชัดเจน จึงต้องร่วมกันในมาตรการตรวจเชิงรุก ตรวจ ATK การใช้มาตรการโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง (Covid-19 Free Setting)
นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วน 6 จังหวัด ที่จับตา เนื่องจากติดเชื้อเพิ่มค่อนข้างมาก คือ 1.จ.นครศรีธรรมราช ชะลอตัวแต่ไม่ชัดเจน สถานการณ์คล้าย จ.สงขลา 2.จ.เชียงใหม่ ยังทรงตัว ไม่ลดลงชัดเจน ส่วนที่ลดลงชัดเจนคือ 3.จ.ระยอง และ 4.จ.จันทบุรี ส่วน 5.จ.ตาก เส้นกราฟคงที่มาโดยตลอด เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายคนจากประเทศเพื่อนบ้านมาชายแดนไทยค่อนข้างมาก เป็นสาเหตุที่ควบคุมโรคได้ลำบาก และ 6.จ.ขอนแก่น มีคลัสเตอร์ในแรงงานและโรงงานหลายแห่ง ทั้งนี้ สธ.ได้ส่งวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการระบาด ฉะนั้นจังหวัดที่มีระบาดเพิ่มขึ้น แต่มีมาตรการระดับจังหวัดเข้มข้น ฉีดวัคซีนเพิ่ม เชื่อว่า สถานการณ์ระบาดจะลดลงใน 2-3 สัปดาห์
นพ.โอภาส กล่าวถึงสถานการณ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ข้อมูลวันที่ 4 พ.ย.64 ฉีดเพิ่มขึ้น 824,650 โดส สะสม 78,656,124 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 43.4 ล้านโดส คิดเป็น 60.3% ของประชากร 72 ล้านคน ทั้งคนไทยและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินไทยทุกคน เข็มที่ 2 อีก 32.7 ล้านโดส คิดเป็น 45.4% และเข็มที่ 3 อีก 2.5 ล้านโดส คิดเป็น 3.5% ทั้งนี้ คาดว่าใน 1-2 วันนี้ จะสามารถฉีดวัคซีนสะสมได้ถึง 80 ล้านโดส ต้องขอบคุณประชาชนที่เข้ารับวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาพรวมการฉีดวัคซีน เป็นซิโนแวคแล้ว 24.5 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 34.4 ล้านโดส ซิโนฟาร์ม 12.7 ล้านโดส ไฟเซอร์ 6.5 ล้านโดส