เมื่อเสียงทวงถามถึง “มารยาทการเมือง” ถูกตอบกลับด้วยคำว่า “มารยาทตามวิถีทางประชาธิปไตย” แรงกระเพื่อมภายในขั้วรัฐบาลจึงถือเป็นจังหวะที่ต้องจับตา
นาทีนี้ชัดเจนแล้วว่า “ไม่มีใครยอมใคร” สำหรับศึกเลือกตั้ง เขต3 นครศรีธรรมราช แทน “เทพไท เสนพงศ์” ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากความเป็น ส.ส.อันเนื่องมาจากทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557
ท่าทีของทั้ง 2 พรรคฝ่ายรัฐบาล ล่าสุดไม่ว่าจะเป็น “พลังประชารัฐ” ยืนยันที่จะส่ง “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” อดีตผู้สมัครในเขตดังกล่าวซึ่งพ่ายศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 ลงสนามแก้มืออีกครั้ง
ไม่ต่างไปจาก “ประชาธิปัตย์” เจ้าของพื้นที่เดิม ที่ส่ง “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” น้องชายเทพไท ลงชิงเพื่อรักษาพื้นที่แทนพี่ชาย
เมื่อเสียงทวงถามถึง “มารยาทการเมือง” จากทางฝั่งประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะ “วิทยา แก้วภราดัย” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ที่ออกมาขู่กลายๆ “ขอทบทวนตัวเอง ควรลาออกจากรัฐบาลดีกว่าเลือกตั้งแล้วเขาต้องไล่เราออก” ถูกตอบกลับโดย“พลังประชารัฐ” ด้วยคำว่า “มารยาทตามวิถีทางประชาธิปไตย” คงต้องไปลุ้นผลที่จะรู้กันในอีกประมาณ 40 วันข้างหน้า ว่าจะออกมาอย่างไร
จับสัญญาณ“พลังประชารัฐ” ดูแล้ว เป็นไปได้ว่า การที่พรรคเลือกที่จะส่งผู้สมัครชนกับประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ อาจเป็นเพราะมั่นใจว่าด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างกันเพียง 4-5 พันคะแนน ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 จะส่งผลให้พรรคพลิกกลับมาชนะในครั้งนี้ได้
แง่หนึ่งพลังประชารัฐอาจถอดบทเรียนจากศึกเลือกตั้ง เขต 7 ขอนแก่น ซึ่งครั้งนั้น “สมศักดิ์ คุณเงิน” เคยแพ้ “นวัธ เตาะเจริญสุข” จากพรรคเพื่อไทย
แต่เมื่อมีการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ในปีเดียวกัน ปรากฎว่า “สมศักดิ์” กลับพลิกชนะคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทยคือ “ธนิก มาสีพิทักษ์” ไปได้ ดังนั้นเมื่อ พปชร.มีบทเรียนจากการเลือกตั้งซ่อมครั้งที่ผ่านๆ มา แม้จะต่างกันตรงที่ครั้งนี้เป็นการชิงเก้าอี้ระหว่างพรรครัฐบาลด้วยกัน แต่ก็ไม่แปลกที่พลังประชารัฐจะผลักแนวร่วมมาเป็นคู่ต่อสู้ในสนามแข่งขันครั้งนี้
เมื่อ “ศึกเมืองคอน” กลายเป็นสมรภูมิเดือด ระหว่าง 2 พรรคแนวร่วม “พลังประชารัฐ” และ “ประชาธิปัตย์” แน่นอนว่า สิ่งที่จะต้องติดตามต่อคือ แรงกระเพื่อมภายใน “ขั้วรัฐบาล” โดยเฉพาะ “ศึกซักฟอก” ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงวันที่ 16-19 ก.พ.นี้
เห็นได้ชัดจากท่าทีของ ส.ส.ประชาธิปัตย์บางกลุ่ม ก่อนหน้านี้ที่ถึงขั้นประกาศลงมติ “ไม่ไว้วางใจ” รัฐมนตรีบางคนในซีกพลังประชารัฐ
“ศึกซักฟอก” ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มีการเปรียบเทียบกับศึกซักฟอกรอบที่แล้ว และจับสัญญาณไปที่การปรับคณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 2/3” หลังเสร็จศึก
แม้ล่าสุดจะมีคำยืนยันจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า การปรับครม.ยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ หรือหลังซักฟอกตามที่มีการคาดการณ์
แต่จากแรงกระเพื่อมระหว่างขั้วรัฐบาลที่ปรากฎออกมาเป็นระลอก ก็ทำให้อดคิดและตั้งคำถามไม่ได้ว่า จะส่งผลไปถึงการปรับครม.ประยุทธ์ 2/3 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากน้อยเพียงใด
แม้ล่าสุด “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือประธานวิปรัฐบาล จะบอกว่า “สามารถประสานรอยร้าวได้”ก็ตาม