‘นักธุรกิจภาคใต้’ หนุนค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ชี้เป็นโอกาสผลักดันเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ฝากความหวัง ‘เพื่อไทย’ กลับมาเป็นรัฐบาล เร่งสางปัญหาซ้ำเติมวิถีชีวิตชาวประมง วอนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ ปชช.
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนและนวัตกรรมพรรค พท. และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พท. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค พท. ร่วมหารือกับตัวแทนนักธุรกิจประมงและตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวในภาคใต้ เขาพลายดำรีสอร์ท อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรับฟังการสะท้อนปัญหาของธุรกิจประมงและการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับนำไปสู่การพิจารณาจัดทำนโยบายการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ยินดีที่ได้มาเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชในครั้งนี้ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น อีกทั้งยังมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการที่จะมีส่วนร่วมผลักดันในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนร่วมกัน
ด้าน นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรค พท.ตั้งใจจะมารับฟังปัญหาจากทุกท่าน เพราะพรรคให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมงมาตลอด โดยประสานข้อมูลกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยและผลักดันการแก้ไขปัญหาในทุกช่องทาง ขณะนี้พรรค พท. โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง และที่ปรึกษาคณะทำงานนโยบายด้านวางระบบเกษตรกรรม พรรค พท. พร้อมคณะ ได้รวบรวมข้อมูลและหาหนทางในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องในทุกๆ ด้าน ซึ่งพรรค พท.ยินดีที่จะรับปัญหาที่ได้รับการจากสะท้อนของทุกท่านเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า สำหรับด้านการท่องเที่ยว พรรค พท.มองเห็นศักยภาพการท่องเที่ยวในภาคใต้ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย เรามีนโยบายเฉพาะในแต่ละพื้นที่ โดยพิจารณาจากศักยภาพของพื้นที่ต่างๆ โดยละเอียด หากแต่ละพื้นที่ภาคเอกชนเข้มแข็งแล้วมาร่วมมือกับพรรค พท.กำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาจะถือเป็นโอกาสอย่างมาก และถ้าพรรค พท.มีโอกาสเป็นรัฐบาลก็จะสามารถผลักดันการแก้ไขปัญหาในแต่ละด้านได้อย่างรวดเร็ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อุ๊งอิ๊ง นำทัพเพื่อไทย ลงเมืองคอน คึกคักเอฟซีต้อนรับกว่า 5 พันคน ชวนแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
ขณะที่ ตัวแทนนักธุรกิจประมง สะท้อนปัญหาการแก้ไขปัญหา IUU ที่ผิดพลาดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และได้กลายเป็นการซ้ำเติมชาวประมง ไม่สอดคล้องกับบริบทความเป็นจริงและวิถีชีวิตของพี่น้องชาวประมง ซึ่งวันนี้ปัญหาต่างๆ ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข อีกทั้งยังมีการออกกฎหมายที่บทบัญญัติมีปัญหาเรื่องการตีความและไม่เป็นธรรม จนพี่น้องชาวประมงต้องล้มหายตายจากไปกว่าครึ่ง
นายสุธรรม วิชชุไตรภพ นายกสมาคมประมงอำเภอสิชล กล่าวว่า ปัญหาหลักชาวประมงคือต้นทุนสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ปัจจุบันสูงถึง 70% ของต้นทุนทั้งหมด ในอดีตรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่นำโดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยช่วยแก้ไขปัญหาช่วยเหลือพี่น้องชาวประมงเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้ก็กลับมาเกิดปัญหาขึ้นอีก ดังนั้น เราจึงมีความหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแล้วแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมงได้อีก
“นครศรีธรรมราชไม่เคยขายข้าวได้เกินตันละ 15,000 บาท พรรคเพื่อไทยก็เคยทำได้จนเป็นประวัติศาสตร์ ยางพาราคาขายได้ถึง 180 บาทต่อกิโลกรัม หากวันนี้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแล้วช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวประมงได้ ท่านจะเป็นขวัญใจพวกเราตลลอดไป และพี่น้องเกษตรกรจะไม่มีวันลืมท่าน” นายสุธรรมกล่าว
ด้าน นายเบญจภพ เบญจธรรมธร ตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยว จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ปัจจุบัน จ.นครศรีธรรมราช เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ภายหลังการตัดถนนเส้นใหม่ สิชล-ขนอม ซึ่งเป็นถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทยที่สวยที่สุด ซึ่งอนุมัติงบประมาณการก่อสร้างในช่วงรัฐบาลพรรค พท.ที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันก็มีกระแสแรงศรัทธาไอ้ไข่ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมา จ.นครศรีธรรมราช จำนวนมาก สร้างเงิน สร้างงานในพื้นที่จำนวนมหาศาล
นายเบญจภพกล่าวว่า ปัจจุบันซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด จากการขาดการพัฒนาและสนับสนุนอย่างจริงจัง แต่เราก็มีความหวังว่าเมื่อพรรค พท.กลับมาเป็นรัฐบาล จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในพื้นที่ พร้อมกับการพัฒนาท่าเรือให้เป็นจุดเชื่อมต่อนักท่องเที่ยวในพื้นที่กับเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีในด้านการท่องเที่ยว และเป็นการสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน
“ยอมรับว่าตอนแรกที่ได้ยินเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 ก็ตกใจ แต่เมื่อมาฟังรายละเอียดก็มองเห็นภาพในอนาคต และมองเห็นโอกาสความเป็นไปได้ เพราะจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน ทำให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม ที่สำคัญคือจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการเอง เนื่องจากจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบ เพราะทุกคนจะมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายเงินเหล่านั้นก็จะหมุนมาผลักดันเศรษฐกิจสนับสนุนผู้ประกอบการทุกคน” นายเบญจภพระบุ