- Line
นครศรีธรรมราช : เจ้าของร้าน ‘ผ.ผึ้ง ทำรัง Homemade Steak’ แจงกระแสดราม่า หลังลูกค้ามานั่งกินอาหาร แต่ถูกต่อว่า “กินจานเดียวกันไม่ได้” ชี้ เป็นระบบของร้าน เข้าใจสังคมออนไลน์ ไม่ขอแก้ตัว ให้ผู้เสพพิจารณาเอง ขณะที่ลูกค้าขาประจำเข้าใจเจ้าของร้านดี ว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง วอนสื่อช่วย
จากกระแสดราม่าในโลกออนไลน์ ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เล่าประสบการณ์ตรง หลังเข้าไปรับประทานสเต๊กที่ร้านแห่งหนึ่ง ใน จ.นครศรีธรรมราช กับแฟน โดยสั่งสเต๊ก 1 จาน พร้อมขนมปังกระเทียม และสปาเก็ตตี้ แล้วแบ่งกันชิมตามประสาคู่รัก แต่เจ้าของร้านกลับเดินมาบอกว่า “ทานแบบนั้นไม่ได้ ต้องทานจานใครจานมันเท่านั้น” เมื่อถามกลับไปว่า “ทำไมทานแบบนี้ไม่ได้” เจ้าของก็ให้เหตุผลว่า “เป็นอาหารโฮมเมด” จนกลายเป็นกระแสดราม่าในสังคมออนไลน์
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ร้านสเต๊กแห่งนี้ ซึ่งมีชื่อว่า ผ.ผึ้ง ทำรัง Homemade Steak ตั้งอยู่เลขที่ 427 ถ.ศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แต่พบว่าประตูรั้วของร้านปิดอยู่ แต่ภายในมีลูกค้าที่กำลังนั่งรอสั่งอาหารอยู่ 1 โต๊ะ และได้พบกับ นายไพฑูร (พี่ช้าง) เซ้งจิ้น อายุ 50 ปี เจ้าของร้าน กำลังยืนพูดคุยกับลูกค้าอยู่ จึงขอสัมภาษณ์ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายไพฑูร พูดคุยแบบธรรมชาติ ด้วยความเป็นกันเอง ตรงไปตรงมา (คล้ายเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่เหมือนคนค้าขายทั่วไป) ซึ่งได้รับคำยืนยันจากลูกค้าขาประจำ ที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุกคนเจอเหมือนกัน แต่พอได้รู้จัก เรียนรู้ ก็ทราบว่าเจ้าของร้านมีบุคลิกลักษณะเฉพาะ การที่กลับเข้ามาใช้บริการ เพราะรสชาติความอร่อยของอาหารและราคาไม่แพง
นายไพฑูร ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดราม่าที่เกิดขึ้นด้วยความเร่งรีบ เพราะต้องออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารให้ลูกค้าที่นั่งรออยู่ว่า ไม่ได้รู้สึกกังวลใจอะไร และมองว่าเป็นเรื่องปกติ โลกออนไลน์มีทั้งบวกและลบ ต้องเข้าใจในคำว่า “ขายของ” ตนเองก็อยากได้เงิน ไม่ได้ไปไล่ลูกค้า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการจะเข้าใจ เนื่องจากเปิดร้านมาหลายปีแล้ว เปิดภายในบ้านเล็ก ๆ มีเพียง 5 โต๊ะเท่านั้น ถ้าช่วงไหนมีลูกค้าเข้ามาเต็มร้าน ก็จะปิดประตูรั้ว ไม่รับลูกค้าเพิ่ม จะรองรับไม่ไหว เพราะตนเองทำทุกหน้าที่ ทั้งซื้อวัตถุดิบ ทั้งประกอบอาหาร และเสิร์ฟเอง ทำเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อมีรายได้ส่งลูกไปเรียนและใช้จ่ายในครอบครัว
เจ้าของร้าน ผ.ผึ้ง ทำรัง Homemade Steak บอกต่อว่า จริง ๆ แล้วไม่ได้เปิดให้บริการเป็นร้านสเต๊กอย่างที่เป็นอยู่ จุดเริ่มต้นคือทำให้ลูกรับประทาน แต่ด้วยบรรยากาศของบ้าน ที่มีความร่มรื่น ดูคล้ายร้านอาหาร จึงมีคนแวะเวียนกันเข้ามาสั่งสเต๊ก แล้วติดใจในรสชาติบอกต่อ ๆ กันไป และมาระยะ 2 ปีนี้ คนที่เข้ามาในร้านก็นำไปลงในเฟซบุ๊กกันมาก ทำให้มีคนเข้ามามากขึ้น แต่ด้วยระบบเดิมยังคงอยู่ คือ ทำอาหารกินในบ้าน เป็นอาหารจานเดียว 1 คน ต่อ 1 จาน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามารับประทานกันก็เข้าใจ
“เรื่องนี้แล้วแต่คนจะคิด จะวิจารณ์ ผมจะพูดต่อว่าเขาก็ไม่ได้ จะยกยอตัวเองก็ไม่ได้ เพราะคนเสพโซเชียลกันเยอะ ขอให้วินิจฉัยกันเอาเอง ผมจะไปด่าลูกค้าได้อย่างไร เพราะจะต้องได้เงินจากลูกค้า และหากด่าลูกค้าไป ก็คงโดนแจ้งความไปแล้ว” นายไพฑูร กล่าว
เมื่อถามถึงประโยคที่โต้ตอบกับลูกค้า จนกลายเป็นกระแสดราม่าขึ้นมา นายไพฑูรให้คำตอบว่า “คุณทานอย่างนี้ไม่ได้ คุณผิดคำพูดกับผม” แต่ด้วยวาจาที่สุภาพ ไม่ได้หยาบคาย และให้เกียรติลูกค้าทุกคน
ทั้งนี้ ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลอยู่นั้น ยังคงมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามากันอย่างต่อเนื่อง บางรายมานั่งรอ บางรายก็ต้องกลับไปก่อน เพราะวันนี้ร้านเปิดให้บริการสายกว่าปกติ และเจ้าของร้านยังออกไปซื้อวัตถุดิบ หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ แต่สำหรับลูกค้าที่ยังคงนั่งอยู่ในร้าน ยังคงให้กำลังใจและขอบคุณสื่อมวลชนที่มาช่วยนำเสนอข่าว เพื่อที่ให้ทางร้านได้ชี้แจงข้อเท็จจริงบ้าง พร้อมร้องขอให้ช่วยเหลือเจ้าของร้านด้วย เพราะสงสาร ลูกค้าส่วนใหญ่เข้าใจในตัวตนของเจ้าของร้าน ที่พูดตรง ๆ แต่ไม่เคยคิดถือสาหาความ ที่สำคัญ รสชาติของสเต๊กอร่อย จานใหญ่ ให้เยอะ และไม่แพง