ที่มา | สกู๊ปหน้า 1 มติชนรายวัน |
---|---|
เผยแพร่ |
นับเป็นความพ่ายแพ้ของ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีกครั้งในฐานเสียงภาคใต้ หลังสูญเสียเก้าอี้ ส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 3 นครศรีธรรมราช ให้แก่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
เมื่อ นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้สมัครหมายเลข 4 ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ 48,701 คะแนนเบียดเอาชนะ นายพงศ์สิน เสนพงศ์ ผู้สมัคร หมายเลข 3 จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ 44,632 คะแนน
ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นครศรีธรรมราช แยกเป็นรายอำเภอ พบว่า อำเภอชะอวด นายอาญาสิทธิ์ ได้คะแนน 22,072 คะแนน นายพงศ์สิน 18,731 คะแนน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ นายอาญาสิทธิ์ ได้ 7,243 คะแนน นายพงศ์สิน ได้ 6,427 คะแนน อำเภอจุฬาภรณ์ นายอาญาสิทธิ์ ได้ 9,601 คะแนน นายพงศ์สิน ได้ 7,349 คะแนน ขณะที่ อำเภอพระพรหม นายอาญาสิทธิ์ ได้ 9,785 คะแนน นายพงศ์สิน ได้ 12,125 คะแนน
การคว้าชัยของนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้สมัครหมายเลข 4 จากพรรค พปชร.เป็นการล้างตาพรรค ปชป.ได้สำเร็จหลังจากการเลือกตั้งคราวก่อน ปี 2562 นายเทพไท เสนพงศ์ จากพรรค ปชป.ชนะการเลือกตั้งด้วย 33,310 คะแนนต่อ 28,742 คะแนน
เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพรรค พปชร. ที่พี่น้องประชาชนมอบคะแนนเสียงเลือกตั้งให้ตัวแทนของพรรคเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมากล่าวขอบคุณหลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการช่วงค่ำวันที่ 7 มีนาคม
ว่ากันว่า “ปัจจัยพิเศษ” เป็นตัวแปรสำคัญช่วยทำให้พรรค พปชร. เบียดเอาชนะการเลือกตั้ง นอกเหนือผลงาน นโยบายของรัฐบาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาที่ได้มีการเน้นย้ำกับประชาชนในช่วงหาเสียงว่าเป็นผลงานหลักของทาง พปชร. มีการสร้างการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ว่าหากไม่เลือกพรรคโครงการสวัสดิการจะถูกยกเลิก
จนทำให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ต้องชี้แจงบนเวทีปราศรัยใหญ่ ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟอำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราชช่วงค่ำวันที่ 5 มีนาคม ว่า มีคนมาบอกผมว่าถ้าเลือกเบอร์ 3 โครงการคนละครึ่งจะถูกยกเลิก คนในเขตเลือกตั้งที่ 3 จะไม่ได้โครงการคนละครึ่งหรือแม้แต่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ผมบอกกับพี่น้องเลยว่า ถ้าวันที่ 7 มีนาคม ประชาธิปัตย์หมายเลข 3 ชนะโครงการคนละครึ่งยังอยู่เหมือนเดิมทุกประการ เพราะโครงการนั้นไม่ใช่ส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี
“รัฐมนตรีอย่างน้อยคนที่จะยกมือให้กับโครงการนี้ก็คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์อีก 6 คน ก็ยกมือให้กับโครงการคนละครึ่งและโครงการเราชนะ ดังนั้น ใครก็ตามที่ไปบอกว่าถ้าเลือกเบอร์ 3 แล้วจะยกเลิกคนละครึ่งมันพูดเหมือนเรากินแกลบ มันคิดว่าเราไม่สบาย แต่จริงๆ คือคนที่พูดมันไม่สบายมากกว่า นี่คือสิ่งที่อยากทำความเข้าใจ” นายจุรินทร์กล่าว
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. ระบุหลังความพ่ายแพ้ว่า
“ต้องกราบขอบพระคุณทุกท่าน ที่ได้ลงคะแนนให้กับคุณพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ แม้ว่าคะแนนเสียงทั้งหมดยังไม่สามารถทำให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งได้ แต่ก็เป็นการแสดงถึงเจตนารมณ์ของทุกท่าน ที่ศรัทธาและมอบให้กับคุณพงศ์สินธุ์และพรรคประชาธิปัตย์ ทุกคะแนนของท่านจะไม่สูญเปล่า ผมและคุณพงศ์สินธุ์ จะร่วมมือกันทำงานรับใช้ท่านในนามพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
ผมและครอบครัวเสนพงศ์ ต้องขอขอบพระคุณ นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายชัยชนะ เดชเดโช ผู้อำนวยการเลือกตั้ง และเพื่อนสมาชิกพรรค ผู้สนับสนุนพรรคทุกคน ที่ได้เสียสละเวลามาร่วมกันรณรงค์หาเสียงกันอย่างเต็มที่ ต้องขออภัยต่อทุกคนที่ไม่สามารถทำให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ และขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของพรรคพลังประชารัฐด้วย
เชื่อว่าภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี จะมีการเลือกตั้งใหม่อีก ผมหวังว่าทุกท่านคงจะให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ และคุณพงศ์สินธุ์ ในการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง”
ขณะที่ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พลังประชารัฐ (พปชร.) มองถึงผลการชนะเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช พรรค พปชร.ว่า การได้รับชัยชนะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เกิดจากความสามัคคี และการร่วมมือกันทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. กรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค ที่ลงพื้นที่หาเสียงแบบเคาะประตูบ้าน
ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ย้ำให้ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค ดูแลทั้งหมดในการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ถือเป็นสัญญาณที่ดีของพรรคที่จะบุกทำพื้นที่ภาคใต้ เพราะการเลือกตั้งซ่อมทุกสนามที่ผ่านมาพรรค พปชร. ชนะการเลือกตั้ง
สำหรับพรรค ปชป.แล้ว ความพ่ายแพ้ของ ปชป. ในครั้งนี้ ต้องกลับไปทบทวนและสรุปบทเรียน เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เพราะการเสียแชมป์ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชถือเป็นสัญญาณอันตรายของพรรค
ประการแรก เพราะนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดฐานเสียงสำคัญของ ปชป. มานาน การเสียพื้นที่นับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 กระทั่งมาถึงการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ย่อมมีสาเหตุ
ประการที่สอง การสูญเสียที่นั่งให้แก่พรรคการเมืองอื่นในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งแต่เดิมเคยได้รับการกล่าวขานว่า ประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟฟ้าก็ชนะ แสดงว่าประชาชนในพื้นที่มีความคิดที่เปลี่ยนแปลง
ประการที่สาม หากพรรคประชาธิปัตย์สูญเสียพื้นที่ในภาคใต้ต่อไปเรื่อยๆ ย่อมส่งผลสะเทือนถึง ปชป.ในภาพรวม ณ เวลานี้ จึงมีการตั้งคำถามถึงสมาชิกพรรค ปชป. ว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องทบทวนตัวเองและสะท้อนทุกปัญหาอย่างตรงไปตรงให้คณะกรรมการบริหารพรรครับทราบ
เพื่อ “ปฏิรูปพรรค” ก่อนจะสายเกินไป