นครศรีธรรมราช – ก้อนตะกอนน้ำมันยังทะลักหาดหัวไทรอย่างหนัก นักท่องเที่ยวต่างชาติแวะเล่นน้ำผวาทั้งน้ำปนเปื้อนและมีสีดำคล้ำ อีกทั้งยังมีกลิ่นน้ำมันฟุ้งเกิดภาวะมลพิษอย่างต่อเนื่อง ชี้เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยที่จะต้องได้รับการแก้ไข
วันนี้ (13 มี.ค.) บริเวณหาดหน้าศาล ต.หัวไทร ยาวไปจนถึงหน้าหน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ยังคงอยู่ในสภาพที่เต็มไปด้วยมลพิษอย่างรุนแรง หลังจากที่เกิดปรากฏการณ์ก้อนน้ำมัน และตะกอนน้ำมันถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งเดินทางผ่านพื้นที่ได้แวะลงเล่นน้ำทะเล จากสภาพน้ำได้สร้างความแปลกใจให้แก่นักท่องเที่ยวรายนี้อย่างมาก
สำหรับสภาพน้ำทะเล พบว่า เต็มไปด้วยตะกอนน้ำมันที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำอย่างเห็นได้ชัด แนวคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งมีสีคล้ำ และมีกลิ่นคล้ายน้ำมันเตาหรือน้ำมันก๊าดโชยมากับกระแสลมที่พัดเข้าฝั่งตลอดเวลา ส่วนบริเวณชายหาดนั้นเต็มไปด้วยก้อนน้ำมัน หรือที่เรียกว่า “ทาร์บอล” ที่เกยหาดทราย และเมื่อถูกแดดเผาได้ละลายกลายเป็นของเหลวข้นสีดำ มีกลิ่นคล้ายน้ำมันหรือสารเคมี
โดยลักษณะเช่นนี้ได้สร้างความกังวลให้แก่เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างมาก นอกจากผลกระทบเชิงกายภาพต่อสิ่งแวดล้อมที่เห็นได้ชัดแล้ว ยังมีความกังวลต่อภาวะการตกค้างของสารประกอบโลหะหนักในก้อนน้ำมัน ที่ส่งผลต่อสัตว์ทะเลหายาก รวมทั้งกลุ่มสัตว์อาหารทะเลเศรษฐกิจที่ถูกจับขึ้นมาบริโภค
นายบินดี้ ชาวออสเตรีย ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมบ้านภรรยาชาวไทยในพื้นที่หัวไทร ได้ลงเล่นน้ำทะเล แต่ได้ระบุผ่านภรรยาว่า สภาพน้ำเปลี่ยนแปลงไปมาก มีสีดำคล้ำ มีกลิ่นเหม็นน้ำมัน และมีน้ำมันปนเปื้อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังมีขยะทะเลอีกจำนวนมาก เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยที่จะต้องได้รับการแก้ไข
สำหรับสถานการณ์ก้อนน้ำมันที่ซัดเข้าชายฝั่งทะเลในย่านนี้มีปริมาณมหาศาล และเกิดปรากฏการณ์ซัดเข้าฝั่งเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องตลอดร่วม 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงปลายมรสุม ขณะเดียวกัน มีการเก็บตัวอย่างไปตรวจวิเคราะห์ทุกปี แต่ทว่าไม่มีหน่วยงานใดสามารถชี้ชัดได้ว่าก้อนน้ำมันจำนวนมากเหล่านี้มาจากที่ใด และไม่มีมาตรการใดๆ ป้องกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างเชื่อว่าต้นเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการกระทำของมนุษย์จากกิจกรรมกลางทะเล จนสร้างความเอือมระอาให้แก่ชาวบ้านต่อเนื่องทุกปี