เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์
กาญจนบุรี – อธิบดีกรมอุทยานสั่ง ฮ.บินขนน้ำดับไฟป่า ก่อนลุยทุ่งใหญ่นเรศวรฯ ส่วน 3 อุทยานแห่งชาติ ชื่อดัง ประกาศห้ามเข้าในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าอย่างเร่งด่วน เพื่อควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามเข้าเขตธรรมชาติ หากมีผู้ทำให้เกิดไฟป่า จะมีความผิดตามกฎหมายระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี
วันนี้ (7 มี.ค.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ประชุมทางไกลผ่านระบบวีดีโอคอนฟาเรนซ์ กับ นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) รวมทั้งหัวหน้าอุทยานฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดราชบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า (ชุดเสือไฟ) ที่เดินทางมาจากศูนย์ปฏิบัติการไฟป่านครศรีธรรมราช และศูนย์ปฏิบัติการไฟป่านราธิวาส และหน่วยบินกระทรวงทรัพย์ฯ เพื่อร่วมกำหนดแผนการบินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ร่วมดับไฟป่าในพื้นที่กาญจนบุรี
โดย นายอรรถพลฯ ได้กำชับให้ อุทยานต่างๆเร่งสำรวจและประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ที่มีอาชีพเลี้ยงวัวควายให้ปฏิบัติตามระเบียบของอุทยานเกี่ยวกับมาตรการณ์ความร่วมมือในการแก้ปัญหาไฟป่าอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในส่วนกลุ่มผู้เลี้ยงวัวในเขตป่าซึ่งเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
วันนี้ เฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)จำนวน 2 ลำ ได้ปฏิบัติการทิ้งน้ำดับไฟ 38 เที่ยวบิน บรรทุกน้ำ 19,000 ลิตร ในพื้นที่ปฏิบัติการ ทิศเหนือ ของ อช.เขื่อนศรีนครินทร์ และบ้านโบอ่อง ต.ปิล๊อค อ ทองผาภูมิ ปฏิบัติการวันนี้สามารถยับยั้งและสกัดการลุกลามของไฟป่าเป็น แนวยาว 1 กม. โดยวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.)กำลังภาคพื้นดินและชุดเสือไฟ จำนวน 40 นาย จะเดินเท้าเข้าไปดับไฟบริเวณป่าบ้านโบอ่อง พร้อม ทั้ง ฮ ปฏิบัติการทิ้งน้ำเข้าช่วยดับไฟอีกทางหนึ่งด้วย
ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการพัฒนาชุมชนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก บริเวณบ้านสาละวะ และบ้านไล่โว่ ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยร่วมประชุมกับ นายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี เพื่อหารือซักซ้อมความเข้าใจกับผู้นำชุมชน รวมทั้งราษฎรเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกข้อตกลงการใช้ประโยชน์ที่ดินระหว่างราษฎรบ้านสาละวะ,บ้านไล่โว่ กับกรมอุทยานฯ พร้อมทั้งตรวจสภาพพื้นที่และติดตามการกำหนดแนวเขตที่ดิน และเส้นทางคมนาคมในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี
นายอนันต์ เผยว่า สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ในจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดราชบุรี ในวันที่ 7 มีนาคม 2566 จากการตรวจสอบจุดเกิดไฟป่า (Hotspot) ซึ่งมีปริมาณที่มากจนเป็นที่น่ากังวล จึงได้สั่งการให้มีการปิดประกาศการเข้าใช้พื้นที่ในเขตอุทยานฯ ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าอย่างเร่งด่วน เพื่อควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามเข้าเขตธรรมชาติ หากมีผู้ทำให้เกิดไฟป่าจะมีความผิดตามกฎหมายระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 ถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยอุทยานแห่งชาติไทรโยค อุทยานแห่งชาติเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี และอุทยาแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน จ.ราชบุรี ได้ดำเนินการออกประกาศปิดห้ามเข้าไปในพื้นที่อุทยานฯ ตั้งแต่ วันที่ 7 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ยกเว้นพื้นที่ ที่ให้เป็นเขตบริการ และเขตนันทนาการกลางแจ้ง
ทั้งนี้ทางอุทยานแห่งชาติได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่าน Page Facebook และติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์รณรงค์การจุดไฟเผาป่า แจ้งการพบเห็นไฟป่าให้กับผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ทั้งในและรอบแนวเขตอุทยานฯแล้ว
ขณะเดียวกัน นายอรรถพล เจริญชันษา อทช.รรท.ออส. มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงอนุมัติให้อากาศยานเฮลิคอปเตอร์ เข้าช่วยเหลือ ทำการบินลาดตระเวนตรวจไฟป่า และทำการบินตักน้ำดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยเฮลิคอปเตอร์หมายเลขทรัพยากร 1105 ดำเนินการในพื้นทีอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และหมายเลขทรัพยากร 1106 เข้าดำเนินการในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ (บริเวณลำห้วยลำคลองงู) จังหวัดกาญจนบุรี จนการปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น และให้เตรียมความพร้อมเอาไว้ตลอดเวลา