ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช 7 มี.ค. ย่อมหมายถึงตัวเลข ส.ส.ประชาธิปัตย์ และดุลอำนาจการยื้อโควตา รมช.คมนาคม ในสถานการณ์ต่อรองที่ไม่มีใครยอมใคร
แน่นอนแล้วว่า “ประชาธิปัตย์” เตรียมเข้าสู่สนามเลือกตั้งซ่อมอีกหนึ่งพื้นที่ ภายหลังศาลอาญามีคำพิพากษาแกนนำและแนวร่วม “กปปส.”หรือ กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
นอกเหนือจากคำพิพากษาจำคุก ยังมีกลุ่มที่ถูกตัดสิทธิการเมืองเป็นเวลา 5 ปี คือ จำเลย 7 คน ในจำนวนนี้มีชื่อ 2 ส.ส.ประชาธิปัตย์ “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร โทษจำคุก 9 ปี 24 เดือน และ “อิสสระ สมชัย” ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำคุก 7 ปี 16 เดือน
เมื่อ “อิสสระ” หลุดจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 11 จึงต้องขยับ “สจ.เซ้ม” จักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ผู้สมัครลำดับ 26 มาเป็น ส.ส.ในลำดับถัดไปจากโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ที่มีทั้งหมด 19 คน
ทว่า ที่สำคัญกว่า คือพื้นที่ จ.ชุมพร จะเป็นคิวต่อไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่ใน “เขต 1” พื้นที่เดิมของ “ชุมพล จุลใส” ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกสนามเลือกตั้งที่ดุเดือดไม่แพ้เลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช ระหว่าง “ประชาธิปัตย์–พลังประชารัฐ” ที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 มี.ค.นี้
หากย้อนผลการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ชุมพร จากผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง อ.เมืองชุมพร ยกเว้นตำบลวังใหม่ ตำบลบ้านนา ตำบลหาดพันไกร ตำบลบางลึก และตำบลถ้าสิงห์ และ อ.สวี ยกเว้นตำบลเขาทะลุ และตำบลเขาค่าย ทั้งหมด 95,945 เสียง
โดย “ชุมพล” เบอร์ 7 ได้คะแนนเลือกตั้งอันดับ 1 อยู่ที่ 42,683 คะแนน ชนะ “ชวลิต อาจหาญ” เบอร์ 5 ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐซึ่งได้อันดับ 2 ที่ 32,219 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็นของ “ชาญวิทย์ ใจสว่าง” เบอร์ 11 จากพรรคอนาคตใหม่ ได้ 10,347 คะแนน โดยมีผู้สมัครทั้งหมด 28 พรรคการเมือง
ความเข้มข้นของสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 1 ชุมพรครั้งนี้ อยู่ที่ท่าทีพรรคแกนนำรัฐบาล หาก “พลังประชารัฐ” ยึดบรรทัดฐานเดียวกับการส่ง “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ลงสมัครเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช ย่อมเป็นไปได้สูงว่า เลือกตั้งซ่อมเขต 1 ชุมพร พลังประชารัฐจะส่ง “ทนายแดง” ชวลิต อาจหาญ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบบ หรือ อบต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร ลงมาแก้มือเช่นกัน
สำหรับผลเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ในพื้นที่ จ.ชุมพร มีเขตเลือกตั้ง 3 เขต โดยมี 2 เขตเป็นฐานที่มั่นของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วยเขต 1 “ชุมพล จุลใส” และ เขต 2 สราวุธ อ่อนละมัย ส่วนเขต 3 เป็นของ “สุพล จุลใส” จากพรรคพลังประชารัฐ ที่เอาชนะ “ธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์” ตัวแทนจากประชาธิปัตย์มากกว่า 2.2 หมื่นคะแนน
การเลือกตั้งซ่อมเขต 1 ชุมพร กำลังเป็นเดิมพันโจทย์ใหญ่ประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” จากสถานการณ์จำนวน ส.ส.ภายในพรรคลดลง จากเดิม 52 คน เหลือ 51 คน ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสิน “เทพไท เสนพงศ์” ส.ส.นครศรีธรรมราชเขต 3 พรรคประชาธิปัตย์พ้นตำแหน่ง และหากรวมรายชื่อ 2 ส.ส. “ชุมพล–อิสสระ” ถูกตัดสิทธิทางการเมืองออกไปขณะนี้ ทำให้ประชาธิปัตย์คงเหลือ ส.ส.ในสภาเพียง 48 คนเท่านั้น
กลายเป็นสถานการณ์ที่ “จุรินทร์” กำลังถูกแรงบีบทางการเมือง ท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่นตลบของการเตรียมปรับคณะรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่รัฐมนตรีว่างลง ตั้งแต่ รมว.ศึกษาธิการ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะเก้าอี้ รมช.คมนาคม ในโควตาของประชาธิปัตย์ กำลังถูกสั่นคลอนจาก “ศึกใน” ที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล
ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 นครศรีธรรมราช 7 มี.ค.นี้ ย่อมหมายถึงตัวเลข ส.ส.ของประชาธิปัตย์ และดุลอำนาจในการยื้อโควตารมช.คมนาคม ในสถานการณ์ต่อรอง ที่ไม่มีใครยอมใคร.