รอยร้าวจะลึกล้ำ ขยายวงลุกลามไปมากกว่าที่ตาเห็น หรือไม่ ต้องบอกว่า โปรดอย่ากะพริบตา!
เพราะแม้ในห้วงเวลานี้ จะเป็นช่วงที่เรียกว่า “หัวเลี้ยว หัวต่อ” เข้าสู่โหมดเตรียมลุยศึกทั้งในเวทีสภาผู้แทนราษฎร ผ่านวาระ “อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” แต่ก็ดูเหมือนว่า ทั้งปีกฝ่ายรัฐบาล และ “ฝ่ายค้าน” กลับพากันจับคู่ กินเกาเหลากันขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เมื่อการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ได้กลายเป็น “ชนวนเหตุ” ที่กดดันให้ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ หันมาเปิดศึกกันเอง เมื่อต่างฝ่ายต่างส่งผู้สมัครในนามพรรคของตัวเองลงสนาม ภายหลังจากที่ ส.ส.เก่า อย่าง “เทพไท เสนพงศ์” ถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นจากสถานะการเป็นส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ที่ผ่านมา
เมื่อพื้นที่ส.ส.เขต 3 เมืองคอน ว่างลง พรรคประชาธิปัตย์ ส่ง “น้องชายเทพไท” คือ “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” ลงชิงชัยเพื่อหวังรักษาเก้าอี้ตัวเดิม ขณะที่พรรคพลังประชารัฐเองก็ไม่ยอมถอย ส่ง “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 ลงสนาม พร้อมทั้งประกาศชัดเจนว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ “มารยาททางการเมือง แต่เป็นเรื่องของประชาธิปไตย
มิหนำซ้ำยังกลายเป็นว่า “บิ๊กเนม” ของทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ ส่งสัญญาณชัดเจนว่า “แพ้ไม่ได้” !
ความดุเดือดจากการชิงชัยเก้าอี้ส.ส.เขต3 เมืองคอน ได้กลายเป็น “ชนวนร้อน” ที่กลายเป็น “ความบาดหมาง” เกิดขึ้นตามมา อย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งเมื่อใกล้ถึงวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 16-19 ก.พ.เข้ามามากเท่าใด ยิ่งทำให้ “สองพรรคใหญ่” ซึ่งต่างเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกัน ถูกจับตาว่า ความไม่พอใจจากสนามเลือกตั้งเมืองคอน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 มี.ค.หลังเสร็จสิ้นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว จะไปส่งผลต่อการโหวตให้คะแนนให้วางใจแก่รัฐมนตรีทั้งของพรรคประชาธิปัตย์เอง กับพรรคร่วมรัฐบาล “อุ้ม” กันให้รอดจากศึกซักฟอกไปด้วยกันหรือไม่
เพราะหากผลออกมาในทางที่เป็น “ลบ” ต่อรัฐบาลโดยเฉพาะต่อคะแนนโหวตไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไปจนถึง รัฐมนตรีในสังกัดพลังประชารัฐแล้ว ยังต้องลุ้นกันต่อไปว่า จะมีรายการ “ปรับครม.” เพื่อเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรีในครม. ในช็อตต่อไปอีกหรือไม่ ถือเป็นการ “เอาคืน” พรรคประชาธิปัตย์
ขณะเดียวกัน เมื่อหันกลับมามองที่ “พรรคร่วมฝ่ายค้าน” เองก็ยังพบว่าบรรยากาศการอยู่ร่วมกันนั้นเข้าข่าย “ไม่สู้ดีนัก” เมื่อศึกซักฟอกรัฐบาล รอบนี้ ยังเป็น “นัดวัดใจ” เช็คความเชื่อใจระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับ พรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคการเมืองหลัง มีความเชื่อมโยง “รับลูก” ประเด็นการเคลื่อนไหวจาก “ม็อบราษฎร” บนท้องถนน มาสานต่อในสภาฯ
ปัญหาความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล เกิดขึ้นมาเป็นระยะๆ ล้อไปกับความไม่พอใจจากส.ส.เพื่อไทยเอง ที่มองว่า ในฐานะพรรคใหญ่ไม่จำเป็นต้อง “เดินตาม” พรรคเล็กอย่างก้าวไกล ขณะที่พรรคก้าวไกลเองก็ยังกังวลไม่ได้ว่า เมื่อถึงวันโหวตลงคะแนนไว้วางใจนายกฯกับอีก “9 รัฐมนตรี” จะไม่มี “ส.ส.งูเห่า” จากพรรคเพื่อไทยปรากฎตัวออกมา
และที่กำลังกลายเป็นเรื่องเปราะบาง คือการที่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ยังมีการพุ่งเป้าถล่ม ไปที่พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีการพาดพิงไปถึง “สถาบันพระมหากษัตริย์” ซึ่งแน่นอนว่า ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยเองจำนวนไม่น้อย ต่างไม่ต้องการให้พรรคเข้าไปสู่ความสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ เพราะจะมีแต่ “เสีย” มากกว่า “ได้”
สถานการณ์ปีนเกลียว กินเกาเหลา ระหว่าง สองขั้วการเมืองทั้งปีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน กำลังรอการชี้วัด พิสูจน์ใจจากวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รอบนี้ !