เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่สำนักงานสภาทนายความประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนโรงช้าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายลือชา เปี่ยมสุวรรณ กรรมการบริหารสภาทนายความภาค 8 พร้อมด้วยคณะกรรมการสภาทนายความ จ.นครศรีธรรมราช แถลงข่าวจากผลการประชุมสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีมติให้สภาทนายความทั้ง 9 ภาคทั่วประเทศ ออกมาให้ช่วยเหลือประชาชนที่ถูกเรียกคืนเงินผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ อ้างว่ารับเงินซ้ำซ้อนนั้น เนื่องจากสภาทนายความเห็นว่าประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ สภาทนายความภาค 8 ได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อศึกษาข้อมูลดังกล่าวและไปค้นปัญหาข้อกฎหมายมาเพื่อที่จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจากการไปค้นหากฎหมายมาปรากฏว่า มีคำพิพากษาของศาลฎีกายกฟ้องในกรณีดังกล่าว กรณีที่เรียกเงินดังกล่าวคืนจากประชาชน โดยศาลฎีกาได้มี คำพิพากษาที่ 10850/2559 ระหว่างกรมสรรพสามิต โจทก์ น.ส.เสาวภา เชยสุวรรณ์ จำเลย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406, 412 จำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญตามกฎหมาย
โจทก์จ่ายเงินดังกล่าวให้จำเลยไปโดยหลงผิด จึงเป็นเงินที่จำเลยได้รับไว้โดยปราศจากมูล อันจะอ้างกฎหมายได้ และทำให้โจทก์เสียเปรียบอันเป็นลาภมิควรได้ หาใช่เป็นเงินที่โจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืนได้อย่างเจ้าของทรัพย์สินไม่ และเมื่อได้ความว่า จำเลยได้รับเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ไว้โดยสุจริตและนำไปใช้จ่ายหมดแล้วก่อนที่โจทก์จะเรียกคืน จำเลยจึงไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 412
นายลือชากล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ทางสภาทนายความภาค 8 ขอให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าว มาพบกับเจ้าหน้าที่สภาทนายความประจำจังหวัดของแต่ละจังหวัด เพื่อว่าความสู้คดีให้ฟรี โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
“ทราบว่าในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และภาค 8 หลายจังหวัด มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนถูกเรียกคืนเงินจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง แต่ไม่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ก็ขอให้มาพบกับทนายความของเราเพื่อช่วยเหลือว่าความให้ฟรีต่อไป” นายลือชากล่าว