วันที่ 25 ส.ค. 64 ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต รมว.สาธารณสุข และอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังเกิดเหตุสยองขวัญบนโรงพักเมืองนครสวรรค์ ที่มีกลุ่มตำรวจใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดรีดเงิน 2 ล้านจนผู้ต้องหาสิ้นใจตาย โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพขณะเกิดเหตุได้อย่างละเอียด สร้างความสะพรึงกลัวให้กับคนทั้งประเทศ ตามที่มีการนำเสนอข่าวกันอย่างครึกโครมนั้น
นายวิทยา กล่าวว่า เรื่องการปฏิรูปตำรวจ เป็นเรื่องที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน หลังมีการบังคับใช้แล้ว รัฐบาลต้องปฏิรูปตำรวจให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ถ้าไม่แล้วเสร็จให้มีการพิจารณาเรื่องโยกย้ายตามอาวุโสเป็นหลัก เป็นภาคบังคับเรื่องเดียวที่ต้องให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยออกมาเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์เรื่องการซื้อตำแหน่งของตำรวจเป็นไปโดยทุจริต ทำให้ได้คนไม่ดี ทำให้คนมีเงินทองรับตำแหน่งกันเยอะจนเป็นเรื่องอื้อฉาว
“ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาขอบคุณที่ให้ข้อเท็จจริงกับรัฐบาล จนครบ 1 ปีรัฐบาลก็เลี่ยงที่จะพิจารณาเรื่องการโยกย้ายซื้อตำแหน่ง แต่ยังใช้ระบบเดิม ที่ต้องพูดเรื่องนี้เพราะตำรวจเป็นองค์กรที่ใกล้ชิดประชาชนที่สุด เราเรียกร้องเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนเรียกร้องรุนแรงมาก จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วท่านนายกประยุทธ์ ไม่ยอมเดินหน้าในการปฏิรูป ไม่ใช่เฉพาะตำรวจเท่านั้น องค์กรอื่นก็ไม่มีการปฏิรูปเช่นกัน”
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า จนถึงขณะนี้ 7 ปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต้องพูดเรื่องการเมือง แต่บ้านเมืองจมปลักทั้งหมด บ้านเมืองมีแต่เสียหาย ที่เคยว่าเขาไปทั่วกลับเข้าตัวเองทั้งหมด เพราะฉะนั้นการสร้างรัฐบาลชุดนี้ก่อสร้างด้วยซากปรักหักพังของระบบที่ล้มเหลว
สิ่งที่สะเทือนใจประชาชนที่สุดคือเรื่องตำรวจฆ่าผู้ต้องหารีดทรัพย์ที่ จ.นครสวรรค์ เกิดขึ้นเพราะปล่อยให้ตำรวจดีล้าหลัง แต่ตำรวจที่วิ่งเต้นซื้อตำแหน่งกลายมาคุมอำนาจ โดยเฉพาะตำรวจที่ไต่เต้าขึ้นมาจากความร่ำรวย ขับรถคันละ 30-40 ล้านบาท ตนคิดว่าระบบมันผิดพลาด แล้วจะมาโทษตำรวจอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ “ท่านนายกต้องรับผิดชอบ เพราะเรื่องการปฏิรูปตำรวจได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ท่านกลับไม่ทำ”
นายวิทยา กล่าวด้วยว่า ตนไม่ได้ตั้งใจไล่นายก เพราะรู้ดีว่าท่านมีภารกิจเรื่องโรคโควิด-19 ที่ต้องทำให้จบ ถ้าไล่นายกแล้วให้คนอื่นมาเป็นนายก จะทำให้คนทั้งประเทศหนาวกว่านี้อีก นายกคนนี้จึงยังต้องอยู่เพื่อแก้ปัญหาเรื่องโรคโควิด-19 ขณะเดียวกันทำเรื่องโควิดอย่างเดียวโดยละเลยไม่ทำเรื่องอื่นนั้นไม่ได้ การทุจริตคอร์รัปชันไม่ใช่เฉพาะตำรวจ แต่ระบาดไปทั่ว ซึ่งได้นำเสนอรัฐบาลไปแล้ว กลไกทุจริตเอื้อให้คนมีอำนาจ รัฐบาลจึงต้องกล้าออกมาเดินหน้าปฏิรูปทั้งระบบ
“นักการเมืองในขณะนี้ได้เปิดเผยทรัพย์สินทั้งหมด ข้าราชการทั้งหมดก็ต้องแจ้งบัญชีและเปิดเผยทรัพย์สินด้วย ซึ่งยุ่งยากอะไร ถามว่าตอนนี้มีพรรคการเมืองไหนที่เลือกตั้งไปแล้ว 2 ปีเศษออกมาพูดเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งไม่มีใครพูดถึง พูดแต่เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นวันสองวันนี้ ใครได้เปรียบเสียเปรียบเท่านั้น ซึ่งพรรคการเมืองหวังแต่ผลประโยชน์ของตัวเองทั้งหมด ทำให้การเลือกตั้งตั้งแต่ระดับกำนันผู้ใหญ่จนถึง ส.ส. ถ้าไม่จ่ายเงินซื้อเสียงก็ไม่ได้ จนบ้านเมืองใกล้วิบัติแล้ว” นายวิทยา กล่าวในท้ายที่สุด.