ภูมิภาค
ผู้ว่าฯเมืองคอน ติวเข้มแผนฉีดวัคซีนโควิดให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติในพื้นที่
วันศุกร์ ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 19.42 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วันที่ 14 พ.ค. 64 ที่ห้องประชุมศรีวิชัย ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมเตรียมการจัดทำแผนการฉีดวัคซีนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีนายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สาธารณสุขอำเภอ และปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้ง 23 อำเภอเข้ารับฟังนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมเพรียงกัน
สำหรับจังหวัดนครศรีธรรมราช มีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวนทั้งสิ้น 989,441 คน จากจำนวนประชากรทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้าน 5 แสนคน โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า เข่น สาธารณสุข และ อสม.เป็นต้น จำนวน 31,138 คน ,กลุ่มเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เช่น ทหาร ตำรวจ ผู้ทำงานในสถานที่กักตัว ฝ่ายปกครอง และอื่นๆ จำนวน 12,021 คน ,กลุ่มอาชีพเสี่ยง เช่น พนักงานขับรถสาธารณะ ครูและอื่นๆ จำนวน 13,610 คน ,กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค จำนวน 409,796 คน และกลุ่มประชาชนทั่วไป จำนวน 522,876 คน โดยข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 กลุ่มเป้าหมายทั้ง 5 กลุ่มได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งสิ้น 13,064 คน ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 976,377 คน และมีการฉีดครบทั้งสองเข็มแล้ว จำนวน 1,112 คน เบื้องต้นได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเพื่อให้ได้รับทราบถึงประโยชน์และข้อดีของการฉีดวัคซีน รวมทั้งทำความเข้าใจถึงกรณีอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจจะมีบ้าง ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้ลงทะเบียนรับวัคซีน เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัวและการคืนสู่ปกติในเร็ววันของสังคม
พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ได้เข้มงวดการปฏิบัติตามมาตรการเชิงรุก ทั้งในส่วนของการยกระดับการกักกันตัวของกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยให้พนักงานควบคุมโรคในแต่ละพื้นที่พิจารณาตามความเหมาะสม หากจำเป็นต้องให้ไปกักตัวในสถานที่กักตัวกลางที่แต่ละพื้นที่กำหนด โดยให้ทุกอำเภอกำหนดให้มีสถานที่กักตัวกลางอย่างน้อย 1 แห่ง และมีการจัดระบบการกักตัวเป็นรอบๆ ไม่ให้กลุ่มเสี่ยงอยู่รวมกัน ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคสั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงโดยเร็ว พร้อมดำเนินการค้นหาเชิงลึกในกลุ่มเสี่ยงสูงทันที รวมทั้งสามารถดำเนินการสุ่มตรวจเพิ่มเติมในสถานที่ที่เป็นพื้นที่สาธารณะ ทั้งในตลาดสดหรือจุดที่มีการรวมตัวของคนหมู่มาก โดยให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดทุกพื้นที่ อย่างไรก็ตามในส่วนของการปฏิบัติในกลุ่มของแรงงานต่างด้าวที่รัฐบาลได้กำหนดนั้น ให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการลงทะเบียนหรือปฏิบัติงานตามภารกิจที่ก่อนหน้านี้ได้มีการขยายเวลาการปฏิบัติเพื่อให้มีความรัดกุม และในส่วนของการเคลื่อนย้ายแรงงานภายในจังหวัด จะต้องให้มีการปฏิบัติตามมาตาการ DMHTT อย่างเข้มงวด รวมทั้งให้มีการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดกับแรงงานผิดกฎหมายลักลอบเข้ามาด้วย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่